Gems Pavilion Story

ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหววงการเครื่องประดับกับเรา

The Journey of The Pearl EP. 3

เพราะ Gems Pavilion ให้ความใส่ใจกับทุกขั้นตอนในการสร้างสรรค์เครื่องประดับ เราจึงออกเดินทางไปสรรหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อนำมาใช้กับจิวเวลรี่ทุกชิ้น ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบ การคัดสรรวัตถุดิบ มาจนถึงกระบวนการผลิต จนกระทั่งออกมาเป็นเครื่องประดับชิ้นใหม่ ต้องมาพร้อมกับความพิถีพิถันเพื่อให้ได้ผลงานที่สวยงามและมีคุณค่ามากที่สุด กว่าที่จะมั่นใจว่าวัตถุดิบที่กำลังมองหาอยู่นั้นตรงตามมาตรฐานของเจมส์ พาวิลเลี่ยนหรือไม่ ผู้บริหารของเราทุกคนต้องร่วมกันพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ด้วยการเดินทางไปถึงแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบชนิดนั้นๆ อย่างเช่นในครั้งนี้ที่เราเดินทางไปยังฟาร์มเพาะเลี้ยงไข่มุก ณ เมือง Sasebo ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้มั่นใจว่าเรารู้จักและเข้าใจในคุณสมบัติของวัตถุดิบแต่ละชนิดที่เลือกมาใช้ในการทำงานจิวเวลรี่เป็นอย่างดี การศึกษาและลงลึกในรายละเอียดจึงเป็นสิ่งที่เจมส์ พาวิลเลี่ยนให้ความสำคัญ ไม่ต่างจากเรื่องของการออกแบบ หรือการผลิต วัตถุดิบทุกชนิดจึงผ่านการศึกษาและคัดสรรมาแล้วในทุกด้าน ทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบ เราจะทำการคัดเลือกของที่ดีที่สุดมาใช้เสมอ จากการศึกษาถึงเปอร์เซ็นต์การคัดเลือกโดยเฉลี่ยของฟาร์มแห่งนี้ พบว่าไข่มุกที่ฟาร์มเพาะเลี้ยงมา จะมีอัตราการใช้ได้อยู่ที่ 0.09% ของจำนวนไข่มุกทั้งหมด แน่นอนว่า เมื่อมาถึงฝ่ายคัดเลือกและสรรหาวัตถุดิบของเจมส์ พาวิลเลี่ยนแล้ว เรายิ่งเพิ่มความละเอียดในการเลือกมาใช้ทำเครื่องประดับมากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นของเรา คือ สิ่งที่เลือกมาแล้วกับมือว่าดีที่สุด “คุณลักษณ์ที่เลิศล้ำของวัตถุดิบ คือ ต้นกำเนิดของเครื่องประดับชั้นสูงอันล้ำค่า” กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ คือ แก่นสารสาระสำคัญที่เจมส์ พาวิลเลี่ยนให้ความใส่ใจ โดยผ่านการคัดสรรและตรวจสอบโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญทุกเม็ดไข่มุกที่เรานำมาใช้ทำเครื่องประดับ จึงผ่านการพิจารณาทั้งในเรื่องของสีสัน ความเงา เนื้อผิวสัมผัส ความสะอาด และความสวยงาม ด้วยความเคร่งครัดในหลักเกณฑ์การของเจมส์ พาวิลเลี่ยน ซึ่งจะมีเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกของเรา ขั้นตอนการร้อยไข่มุกเพื่อสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ สร้อยข้อมือ รวมไปถึงฝังประดับเป็นต่างหูมุกต่างๆ นั้น เป็นอีกหนึ่งกรรมวิธีที่ต้องอาศัยช่างฝีมือผู้ชำนาญการ สำหรับที่เจมส์ พาวิลเลี่ยน หลังจากเราคัดเลือกแบบดีไซน์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการใช้งานฝีมือสร้างสรรค์ชิ้นงานขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดนี้ช่างจะเป็นผู้ประเมินว่าวิธีไหนเหมาะสมกับเครื่องประดับชิ้นไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อน ความละเอียด และขนาดของแต่ละชิ้นงาน ช่างฝีมือในแผนกร้อยสร้อยและไข่มุกด้วยมือของเจมส์ พาวิลเลี่ยน ล้วนเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ทำให้ตัวเรือนของจิวเวลรี่ทุกชิ้นได้รับการรังสรรค์อย่างประณีต พิถีพิถันทุกรายละเอียด หากว่ามีการร้อยเรียงผิดพลาดเพียงจุดใดจุดหนึ่ง หรือคลาดเคลื่อนไปจากแบบ ช่างจะทำการแก้ไขปรับใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าผลงานที่ได้จะมีความแม่นยำและตรงกับที่ออกแบบไว้ ทุกชิ้นทุกข้อต่อต้องวางอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดอย่างเหมาะสม และร้อยเรียงอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง ไม่อาจสลับตำแหน่งกันได้แม้เพียงเล็กน้อย เพื่อให้ชิ้นงานมีความสมบูรณ์แบบอย่างที่สุดเพื่อให้จินตนาการของนักออกแบบสามารถผ่านทอดออกมาสู่ชิ้นงานได้เหมือนจริงมากที่สุด ติดตามเรื่องราวการเดินทางเพื่อค้นหาวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เพื่อสร้างสรรค์เครื่องประดับชั้นยอดของเจมส์ พาวิลเลี่ยน ได้ในตอนสุดท้ายของ The Journey of The Pearl

รายละเอียดเพิ่มเติม »

The Journey of The Pearl EP. 2

ความตั้งใจในการออกเดินทางเพื่อเสาะแสวงหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ นำมาใช้ในการผลิตเครื่องประดับของ Gems Pavilion เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าเรายังไม่หยุดที่จะพัฒนาความเป็นเลิศของเราในทุกๆ ด้าน เพื่อนำมาประกอบเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เรายึดมั่นมาเสมอ นั่นคือ การใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อนำมาสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่น ภายใต้กรรมวิธีการผลิตจากช่างฝีมืออันเป็นเลิศ เมื่อเหล่าผู้บริหารของ Gems Pavilion เดินทางมาถึงฟาร์มไข่มุกในเมือง Sasebo ประเทศญี่ปุ่น ภารกิจในการมองหาไข่มุกคุณภาพเยี่ยมจึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่การเยี่ยมชมในทุกๆ ส่วนของฟาร์มแห่งนี้ ที่ทำการเพาะเลี้ยง คัดสรร พัฒนา ตลอดจนการเก็บเกี่ยวไข่มุกที่ได้อย่างมีระบบและเต็มไปด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ของฟาร์มมุกกำลังทำการคัดเลือกหอยมุกเลี้ยงที่ได้คุณภาพนำมาเข้าสู่กระบวนการเพาะเลี้ยงไข่มุกในขั้นตอนต่อไป เริ่มตั้งแต่การเพาะเลี้ยงหอยมุกที่เจ้าหน้าที่ของฟาร์ม เล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่า มีขั้นตอนในการดูแลอย่างไร กว่าจะเติบโตเต็มที่ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลานับปีในการเพาะเลี้ยง จนสามารถนำออกมาเข้าสู่ขั้นตอนพัฒนาเพื่อสร้างเม็ดไข่มุกที่ได้คุณภาพ ซึ่งจะมีไข่มุกที่มีความสวยงามสามารถนำมาใช้ผลิตเป็นเครื่องประดับเพียงแค่ประมาณ 0.09% เท่านั้น ในขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่จะทำการนำหอยมุกขึ้นมาเปิดฝาไว้เพื่อนำไปรอใส่นิวเคลียสเพื่อสร้างไข่มุกในตัวหอย หอยมุกที่นำขึ้นมาเปิดฝาโดยใช้เครื่องมือพิเศษอ้าค้างไว้เตรียมรอเข้าสู่กระบวนการเพาะเลี้ยงในขั้นตอนต่อไป เมื่อหอยมุกเติบโตเต็มที่แล้ว ทางฟาร์มจะนำมาเข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อเซลล์เนื้อเยื่อเพื่อให้เนื้อเยื่อนี้ไปเคลือบนิวเคลียสให้กับตัวหอยให้ได้สีที่ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยช่างผู้ชำนาญการของฟาร์มมาเป็นผู้แล ทั้งนี้เพื่อให้ตัวหอยสามารถผลิตไข่มุกออกมาได้อย่างดีที่สุด ขั้นตอนการใส่นิวเคลียสลงไปในตัวหอยมุก เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งเพื่อทำให้ได้ไข่มุกที่สวยงามทั้งสีสันและรูปทรง ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง ไข่มุกแต่ละเม็ดนั้นจะมีความสวยงามหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าตัวของเปลือกหอยที่เคลือบอยู่นั้นจะมีความสมบูรณ์เพียงใด ซึ่งสามารถสังเกตคร่าวๆ ได้ด้วยตาเปล่าเมื่อเราเปิดฝาของหอยมุกขึ้นมาดูว่ามีความเงามันและสีสวยงามแค่ไหน (ดังเช่นตัวอย่างในภาพ ที่ฝาเปลือกหอยมุกทางด้านขวาจะมีสีสันสวยงามกว่าทางซ้าย) กว่าจะได้มาซึ่งไข่มุกแต่ละเม็ดนั้น จึงเป็นการลงทุนทั้งแรงกาย แรงใจ ของผู้เพาะเลี้ยงผสมกับการใช้เทคโนโลยีเฉพาะทางในการผลิตที่ล้วนแต่ต้องอาศัยการเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด จำนวนผลผลิตที่ได้จึงจะมากพอที่จะสามารถเก็บเกี่ยว นำมาใช้สร้างสรรค์เครื่องประดับมุกที่ดีและมีความสวยงามต่อไปได้ ซึ่งฟาร์มไข่มุกที่เราเลือกมาดูงานเยี่ยมชมในครั้งนี้ เป็นอีกฟาร์มหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีการทำงานตรงตามมาตรฐานของ Gems Pavilion เครื่องมือการทำงานที่ดี บวกกับความชำนาญเฉพาะตัวของเจ้าหน้าที่ในฟาร์มมุก คือ เคล็ดลับสำคัญในการสร้างสรรค์ไข่มุกที่ได้คุณภาพจนได้รับการยอมรับ จะเห็นได้ว่ากว่าที่ Gems Pavilion จะคัดเลือกวัตถุดิบในแต่ละชนิดมาใช้ พวกเราต้องศึกษา สรรหา พัฒนา จนนำมาซึ่งความเชื่อใจ และมั่นใจแล้วว่า เหมาะสมตรงตามกับมาตรฐานที่เราตั้งไว้ และยึดมั่นโดยตลอดมา ทั้งนี้เพื่อให้วัตถุดิบทุกชิ้นที่เราตั้งใจคัดสรรมา สามารถนำมาใช้ออกแบบ และทำงานผลิตเป็นเครื่องประดับที่สวยงามที่สุด ตามที่ Gems Pavilion ภูมิใจนำเสนอมากว่า 22 ปี

รายละเอียดเพิ่มเติม »

The Journey of the Pearl

เพราะเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของ Gems Pavilion ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานเครื่องประดับก็คือ การเลือกสรรเฉพาะวัตถุดิบที่ได้คุณภาพและตรงตามมาตรฐานที่เรายึดมั่นมากว่า 22 ปี ภารกิจในการเดินทางเพื่อไปแสวงหาวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมตามที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก จึงถือเป็นพันธะที่เรายึดมั่นและให้ความสำคัญอยู่เสมอ ซึ่งในล่าสุดนี้ ก็คือ การเดินทางเพื่อมองหาไข่มุกเม็ดใหม่เพื่อมาใช้ในการสร้างสรรค์เครื่องประดับชิ้นพิเศษนั่นเอง And let it begin… จุดหมายในการเดินทางครั้งนี้ อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ณ เมือง Sasebo ในการเข้าไปเยี่ยมชมฟาร์มผลิตไข่มุกและแหล่งเพาะเลี้ยงหอยมุก Akoya ที่ขึ้นชื่อของเมืองแห่งนี้ โดยผู้บริหารของ Gems Pavilion ทั้งสี่ท่านนำทีมโดยคุณหนึ่ง จนิษฐา และคุณท็อป ปิยะ อัจฉริยศรีพงศ์ ได้เลือกที่จะไปเข้าชมกระบวนการผลิตและเพาะเลี้ยงจากฟาร์มแห่งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจในการคัดเลือกวัตถุดิบจากแหล่งการผลิต เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพและราคาที่ดีที่สุด ในการนำมาผลิตเครื่องประดับประเภทไข่มุกของแบรนด์ ทั้งนี้เป็นความตั้งใจที่อยากจะเสาะหาความพิเศษและแหล่งของวัตถุดิบแห่งใหม่ๆ ที่ได้คุณภาพ และแสดงถึงความตั้งใจที่ไม่มีวันหยุดนิ่งในการพัฒนาและสร้างสรรค์แบรนด์ Time to Exploreการเดินทางเริ่มต้นขึ้นทันทีที่คณะผู้บริหารของ Gems Pavilion เดินทางถึงเมือง Sasebo ประเทศญี่ปุ่น โดยที่ตั้งของฟาร์มเลี้ยงหอยมุกและผลิตไข่มุกแห่งนี้ ถือเป็นฟาร์มที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในแวดวงของวงการเครื่องประดับที่ใช้ไข่มุกเป็นส่วนประกอบ จากคำบอกเล่าของผู้แนะนำและผู้ประสานงาน เราพบว่าขั้นตอนการทำงาน เริ่มตั้งแต่การเพาะเลี้ยง การดูแล การผลิต ตลอดจนกระบวนการสร้างสรรค์ไข่มุกในแต่ละขั้นตอนของที่นี่ ล้วนแต่อาศัยช่างฝีมือที่มีประสิทธิภาพ ที่ผสมผสานทั้งความรู้ บวกกับเทคโนโลยี ที่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาร่วมกันรังสรรค์ไข่มุกเม็ดงามให้เกิดขึ้น ในตอนหน้า เราจะนำเสนอถึงในแต่ละขั้นตอนการทำงานของฟาร์มแห่งนี้ รวมถึงพาไปสัมผัสบรรยากาศการเยี่ยมชมอย่างใกล้ชิดที่รับรองว่าพิเศษและน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้สมกับความเป็นต้นแบบในการเสาะแสวงหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดของ Gems Pavilion นั่นเอง

รายละเอียดเพิ่มเติม »

The First View

เปิดเผยรูปแรกที่ทำให้ทุกคนรู้จัก Gems Pavilion เพราะทุกรูปล้วนมีที่มา ไม่เว้นแม้แต่ที่ Gems Pavilion ที่รูปแรกของเราคือภาพของแหวนมรกตสีเขียวสด พร้อมกับสโลแกนเด็ดที่มีไว้เพื่อดึงดูดใจลูกค้าคนสำคัญของเรา และต่อไปนี้คือ เรื่องเล่าน่ารู้จากปากของคุณท็อป ปิยะ อัจฉริยศรีพงศ์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท Gems Pavilion ความตั้งใจแรก ของภาพเหล่านี้ อันนี้ถือว่าเป็นแอดเปิดตัวของร้านเพชรที่เวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ ทางครีเอทีฟของแอดนี้ตั้งใจอยากนำเสนอถึงสิ่งที่เป็นตัวแทนของการ Celebrate หรือการ Opening เลยมีการเล่นกับจุกฝาขวดแชมเปญ เรามีแหวนที่ตั้งใจไว้ว่าจะใช้แนะนำตอนเปิดร้าน ถือว่าเป็นตัวที่เด่นที่สุดเพราะมันดูใหญ่ สีสันก็ดูดี โจทย์หลักๆ ก็คือ ต้องการบอกว่าเราเป็นร้านจิวเวลลี่แบรนด์ใหม่ที่โดดเด่นในเรื่องดีไซน์ เรื่องวัตถุดิบ ความทรงจำ ที่มีในการถ่ายทำภาพนี้ ความยากของการถ่ายทำก็คือ สีเขียวมรกต จะมีความยากในการถ่ายรูป ฉะนั้นต้องควบคุมออกมาให้ดูดีมากๆ เป็นเรื่องยากมากในการทำงานที่ดิจิตอลยังไม่มีความสะดวกสบายเช่นในปัจจุบัน ส่วนที่เห็นทั้งหมดนี้ เราตั้งใจถ่ายเป็นซีรี่ย์ของมรกต เพื่อให้ลงแอด และเป็นรูปสินค้าเก็บไว้ให้ลูกค้าได้ดู ความท้าทาย ในการทำงานในตอนนั้น นตอนที่เริ่มทำตอนนั้นคนไม่ค่อยได้มองหาอะไรที่ดูเป็นแฟนซี ในตลาดเองก็นำเสนอแต่ดีไซน์เดิมๆ ที่เป็นแหวนเพชรล้อมด้วยเพชรกลม ซึ่งเราเองมองดูแล้วรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แต่ของเราออกมาดูแปลกตา ดูเท่และแตกต่างในสมัยนั้น ตั้งใจถ่ายไว้เพื่อเก็บเป็นสต็อกช้อตด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเรานำเอามาอัดเก็บไว้ยื่นนำเสนอให้กับลูกค้าที่สนใจภายหลัง เป็นการทำการตลาดในสมัยนั้น ความแปลกใหม่ ที่ตั้งใจทำขึ้นมานี้ ได้รับผลตอบรับอย่างไรบ้าง ตอนนั้นไม่ได้มีการทำแคมเปญอะไรมากมาย ส่วนมากจะเป็นการลงแอดโฆษณามากกว่า การคิดงานถ่ายโฆษณาระยะถัดมาก็เป็นการคิดทำกันเองกับช่างภาพ สมัยนั้นการลงโฆษณาในนิตยสารเป็นอะไรที่แข็งแรงมาก ผมคิดว่าเราน่าจะเป็นแบรนด์จิวเวลลี่ไทยที่ใช้วิธีลงแอดแล้วได้ผลมากที่สุดแบรนด์นึงได้ ถ้านับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มาในช่วงปี 2540 เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นแบรนด์อื่นใช้วิธีสื่อสารทางการตลาดแบบที่เราใช้เท่าไรนัก ความรู้สึก เมื่อได้มองย้อนไปยังอดีตมาจนถึง ความคาดหวัง ในอนาคตของแบรนด์เป็นอย่างไร รู้สึกว่าวงการจิวเวลรี่มันพัฒนาไปเร็วเหมือนกัน โดยเฉพาะของ Gems Pavilion เราเอง เราวิ่งไกลและเร็วด้วย 20 กว่าปีนี่เปลี่ยนไปจนเร็วรู้สึกได้ ดีเทลในการทำงานก็ดีขึ้นเยอะ ในอนาคต ผมเองพยายามบอกให้พวกเราคิดถึงบุคลิกของผู้สวมใส่ของแบรนด์เรา อยากสื่อให้ตรงและถูกต้องต่อกลุ่มลูกค้าของเรามากที่สุด

รายละเอียดเพิ่มเติม »

The Art of being an Icon

โลโก้ไอคอนนี้ เราได้มาเช่นไร… ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมาของ Gems Pavilion สิ่งหนึ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ที่มองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่า นี่คือ ตัวแทนของแบรนด์ ก็คือ โลโก้ไอคอน ที่ตกผลึกมาจากเพชรทรงมาร์คีส์นั่นเอง แต่มันมีที่มาและมันถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างมาตามดูกัน “เรื่องชื่อแบรนด์ผมคิดมานานมาก จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่เราเองก็ทำงานอยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย คำว่า Pavilion มันก็ถูกคิดขึ้นมาว่าน่าจะเอามาใช้ จนมาผูกกับคำว่า Gems กลายเป็น Gems Pavilion ขึ้นมา” คุณท๊อป ปิยะ อัจฉริยศรีพงศ์ เล่าถึงที่มาของชื่อแบรนด์ที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆ อย่างที่ตามมาหลังจากนั้น “สิ่งที่ไปบรีฟกับทางคนออกแบบโลโก้ก็คือ เราอยากให้มันดูเป็นที่ที่มี Gemstones อยู่ เหมือนกับเป็นศาลาที่มีรูปทรงดูโค้งมนและมีจิวเวลรี่อยู่เต็มไปหมด คอนเซ็ปต์ตรงนี้ไล่ไปตั้งแต่การออกแบบ การออกแบบร้านเพชรของเราที่มีความโค้งเข้ามาใช้โดยตลอด เริ่มตั้งแต่ที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ที่ร้านเป็นแบบโค้งออก มาที่พารากอน โค้งเข้า เช่นเดียวกับเอมโพเรียม จะไม่ได้เป็นร้านสี่เหลี่ยม” “พอเราบรีฟความหมายว่าชื่อมาจากไหน เขาก็เลยออกแบบโลโก้ให้ไปในแนวนั้น ปรับกันมาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ายังไม่เวิร์กสักที ทำมาหลายๆ แบบ ซึ่งในที่สุดแล้วเราก็ไม่ได้ใช้เลย จึงกลับมาที่การดึงเอารูปเพชรมาใช้ แต่ส่วนใหญที่เห็น มันก็จะดูเป็นเพชรกลมธรรมดาดูไม่พิเศษโดดเด่น” “ผมเลยเสนอว่าให้ลองใช้เป็นเพชรเชปแฟนซีแบบอื่นๆ ดูบ้าง จนมาถึงทรงมาร์คีส์ ซึ่งดูไปมามันก็ดูสวยงามดี และยังไม่มีคนใช้ ทางทีมดีไซเนอร์เลยไปลองพัฒนาขึ้นมาดู และกลายมาเป็นโลโก้ไอคอนที่เหมาะสมกับแบรนด์และถูกนำใช้จนถึงปัจจุบัน” “มีคนที่รู้จักแบรนด์ของเรา ร่วมงานกับเจมส์ พาวิลเลี่ยนกันมานาน เรียกเราว่า Mr. Special Logo เนื่องจากเขาจำแบรนด์เราได้จากโลโก้ ด้วยความที่ไม่มีใครเอาเพชรทรงแฟนซีมาใช้เท่าไร ทำให้มั่นใจว่าโลโก้ไอคอนของเรานั้นติดตาและเป็นที่จดจำของคนทั่งไปมาอย่างยาวนาน” และนี่เองจึงเป็นที่มาของคอลเล็กชั่นล่าสุดจากเจมส์ พาวิลเลี่ยน ที่ปรับเปลี่ยนจากโลโก้ไอคอนของแบรนด์ ให้กลายมาเป็นเครื่องประดับจิวเวลรี่ชิ้นพิเศษที่บ่งบอกถึงแนวคิดและตัวตนของเจมส์ พาวิลเลี่ยนและสะท้อนถึงรสนิยมของผู้สวมใส่ได้ดีที่สุดเช่นกัน

รายละเอียดเพิ่มเติม »

REGISTER